วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

สามเคะซ่า 20 : ตุ๊ ด ...




20

ตุ๊ ด...




            “อ่าวเฮ้ย ลู่! กลับก่อนหรอวะ?” พี่คริสที่กำลังเมาได้ที่ทักฉันกับพี่ลู่ที่กำลังเดินออกจากร้าน
            “เออ! เมียกูมันอนามัย เอามันไปนอนก่อน!
            “แล้วจะกลับมาแดกเหล้าต่อปะเนี่ย!
            “ไม่ละ ขี้เกียจ”
            “เดี๋ยวเด่ะ! เอาบัตรเครดิตมึงมาก่อนลู่!” พี่คริสเมาๆ เดินมาแบมือขอบัตรเครดิต พี่ลู่เองก็ไม่ได้ว่าอะไร ควักบัตรเครดิตให้ง่ายๆ ก่อนจะโอวเอวฉันแล้วพาเดินออกมาจากร้าน
            ความจริงฉันก็ไม่ได้อนามัยอะไรขนาดนั้น แต่พี่ลู่ก็ชอบเอาฉันมาอ้าง T^T เพราะเขาไม่อยากกินเหล้าต่อหน้าฉัน แต่ก็ไม่อยากจะอยู่ต่อหน้าเหล้านานๆ กลัวหยิบมากิน
            “เออฮุน ซุปเปอร์ใต้หอมันยังเปิดอยู่ปะวะ กูอยากแดกคอนเน่” พี่ลู่พูดข้างหูฉัน ฉันยิ้มเบาๆ ก่อนจะชะเง้อมองก็เห็นว่าไฟซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดอยู่
            “เปิดๆ เอาตังค์มา เดี๋ยวหนูไปซื้อให้” พี่ลู่ยื่นเงินให้ฉันก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว แล้วทำท่าเหมือนขอตัวไปสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเกรงใจสุดฤทธิ์

            เออ เนี่ยละที่พี่ลู่ยังเลิกให้ฉันไม่ได้ T____T

            “อือ” ฉันรับคำ แต่พี่ลู่ก็จะรู้ตัวเองว่า หลังจากสูบเสร็จ ถ้าพี่ลู่ยังไม่อาบน้ำและแปรงฟัน พี่ลู่ก็จะพยายามอยู่ห่างฉันให้มากที่สุด

            ฉันวิ่งนำไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วคว้าคอนเน่รสชีสมาถุงใหญ่ สายตาเหลือบไปเห็นพี่ลู่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนี้... แต่มีใครบางคนกำลังคุยอยู่กับพี่ลู่ด้วยน่ะสิ
            ด้วยความอยากเสือก ฉันเลยรีบจ่ายเงินแล้วไปแอบฟังอยู่หลังเสาทันที -..-

            “ลู่หาน มึงจำกูได้มั้ย...” ไอ่คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอยากท้าต่อยมากๆ แต่ดูเหมือนพี่ลู่ของฉันจะไม่คิดอะไรมากด้วยการตอบว่า...
            .
            .
            .

            “ไม่”

            กูรู้แล้วทำไมพี่ลู่แม่งมีปัญหากับชาวบ้านเค้าไปทั่ว 5555555555555555555555

            “กู ชเวมินโฮคนที่ไอ่อี้ชิงมันเกลียดขี้หน้า แล้วมันสั่งให้มึงมาต่อยกูเกือบตายไง... จำไม่ได้แล้วรึไง” เสียงนั้นดูโมโหปนเฉยชาเพราะความชินที่จะพูดกับคนอย่างพี่ลู่ แต่เขาก็ทำให้ฉันนึกอะไรออกบางอย่าง... ชานยอลเคยบอกว่าพี่ลู่เคยเกือบฆ่าคนเพราะพี่เลย์สั่ง คงเป็นคนนี้นี่เอง -O-
            “อ้อ... แต่มึงกวนตีนอี้ชิงมันก่อนนี่หว่า มันบอกว่ามันไม่ชอบมึง มึงก็จีบๆ มันอยู่ได้ มันรำคาญเลยส่งกูไปบอกมึงให้รู้ไง ว่าเลิกยุ่งกับมันได้แล้ว” พี่ลู่อธิบายใจเย็นอย่างแปลกประหลาด แถมยังชะเง้อมองไปข้างในซุปเปอร์มาร์เกตเหมือนตามหาฉันอีกด้วย... แหะๆ หนูอยู่นี่ค่า TOT
            “มึงรู้มั้ยว่ากูมาพูดกับคนที่เกือบฆ่ากูตายอีกครั้งเพราะอะไร...”
            “ไม่” พี่ลู่ยังคงตอบกวนส้นตีนเหมือนเดิม 5555555555555555
            “กูได้ข่าวมาว่าเมียมึงมันตุ๊ด”

            ...
            อิบ้า ไม่ใช่ตุ๊ดย่ะ กูแค่สับสน ไปเอาข่าวมาจากไหนก็ไม่รู้ วู้!

            “เมียกูเป็นตุ๊ดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง? หรือพ่อมึงจะเป็นตามเมียกูงั้นซิ?” พี่ลู่ปักบุหรี่ลงบนแท่นเขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ข้างตัว สายตายังคงล่อกแล่กมองหาฉัน... แต่ฉันยังอยากรู้มากกว่านี้ว่าไอ่บ้านี่มันจะพูดอะไรต่อ
            “เปล่าหรอกครับคุณลู่หาน” ไอ่ชเวมินโฮอะไรนั่นพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ “พ่อผมไม่คิดจะเป็นตุ๊ดตามเมียคุณหรอกครับ แต่ตอนนี้คู่อริคุณลู่หานทั้งโรงเรียนพากันหัวเราะเยาะคุณอยู่นะ รู้ตัวบ้างรึเปล่าครับ?”
            “ไม่” พี่ลู่ยังหนักแน่นคำเดิม 55555555555555555
            “เฮ้อ... ผู้หญิงก็มี เคะน่ารักๆ ก็มี ทำไมมึงต้องเอาตุ๊ดทำเมียด้วยวะลู่หาน ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะชอบใจใหญ่ ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่หลังเสา... รอให้มันพูดอะไรมากกว่านี้ก่อน...
            “ก็เมียกูเจ๋ง ใครเจ๋งพอทำให้กูใจสั่นได้กูก็จะเอาแม่งเป็นเมีย กูไม่เกี่ยงว่าแม่งจะเป็นมนุษย์ต่างดาว เป็นตุ๊ด หรือแม้กระทั่งมึง... ถ้ามึงบังเอิ๊ญญญญทำให้กูใจสั่น กูอาจจะเอามึงเป็นเมียก็ด๊าย~” พี่ลู่พูดด้วยน้ำเสียงชิวสุด แต่ตอนนี้ใจฉันสั่นไปหมดละนะ -..- นี่กูเจ๋งสินะ T / / / / T
            “เหี้ย! ไม่เอา!” มินโฮทำหน้าขยะแขยงจนพี่ลู่หัวเราะลั่น
            “เออ! งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกกู”
            “แต่ยุ่งไปแล้วว่ะ ขอโทษทีนะ...หึ” เสียงไอ่มินโฮบ้าอะไรนี่ดูเลวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “เพราะพวกกูเห็นแล้วหงุดหงิด จากที่เคยนับถือมึง... ตอนนี้พวกกูสมเพศมึง อยากตั๊นหน้าอย่างบอกไม่ถูก”
            “...”
            “พรุ่งนี้ สี่โมง เจอกันที่หลังโรงเรียนด้วยนะครับคุณลู่หาน”
            “...”
            “ที่เก่าที่มึงเคยเหยียบหน้ากูไว้” มันถ่มน้ำลายลงพื้นข้างตัวพี่ลู่ก่อนจะเดินจากไป เห็นพี่ลู่ยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ฉันจึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
            “เย่! พี่ลู่! คอนเน่รสชีสมาแล้ววววว~
            “อ้าวฮุน~ ขึ้นห้องกัน” พี่ลู่ยิ้มให้ก่อนจะคว้าถุงคอนเน่ไปแกะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน สีหน้าพี่ลู่ดูปกติดีเหมือนว่าเรื่องวันพรุ่งนี้เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย...

            ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น



รุ่งเช้า
            ฉันพยายามลืมเรื่องเมื่อวานไปซะ ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย -_-^ และพี่ลู่เองก็ดูชิวๆ (พี่แกจะไปตามนัดไอ่บ้านั่นมั้ยเนี่ย -_-;) ฉันจึงกล้าเดินกับพี่ลู่อย่างมั่น...
           
            ใจ...
            .
            .
            .
            “โห่ววววววววว” คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกับพี่ลู่ต่างก็มองหน้าฉันและพี่ลู่ด้วยสีหน้าเหยียดหยามขั้นสุด พวกมันโห่ไล่ แถมยังชูนิ้วโป้งขึ้นแล้วพลิกลงราวกับจะบอกว่าพี่ลู่ของฉันเป็นแค่ตัวน่ารังเกียจที่ไม่อยู่ในสายตาพวกมันอีกต่อไป

            แต่พี่ลู่กลับไม่สนใจอะไร... มองมาที่ฉันแค่คนเดียว...

            “ฮุน วันนี้ตั้งใจเรียนนะรู้เปล่า... เป็นเลขาแก๊งมันต้องใช้ความรู้นะเหวย” พี่ลู่เดินมาส่งฉันที่ห้องเรียนก่อนจะตบบ่าฉันพร้อมรอยยิ้ม

            ปึก!!!
            ใครบางคนเดินมาชนพี่ลู่เข้าอย่างจัง!

            “อุ๊ยขอโทษครับพี่ลู่หาน... หึ...” ไอ่เด็กเปรตนั่นหันมาพูดขอโทษด้วยแววตาและสีหน้าดูถูกขั้นสุด

            หัวใจฉันกระตุกวูบ...
            ดวงใจของฉันจะรู้สึกยังไง... ดวงใจของฉันจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องโดนดูถูกขนาดนี้...

            “พ... พี่ลู่...”
            “ไป... เข้าห้อง ^^” พี่ลู่ดันฉันให้เข้าไปในห้องเรียนพร้อมรอยยิ้มเดิมๆ ที่ยิ้มมาตั้งแต่เช้า... รอยยิ้มเฟคๆ ที่พยายามบอกฉันว่า เขาไม่เป็นอะไร


********************


            “พี่ลู่จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย...” เซฮุนนั่งพึมพำอยู่คนเดียวในห้องนอน หลังจากเลิกเรียนเสร็จเขาก็ไม่รู้จะไปไหน ไม่อยากเข้าไปเป็นตัวถ่วงให้พี่ลู่หนักใจด้วย เลยมาหมกตัวอยู่ในห้องแทน

            กริ๊ก!
            เสียงคนไขกุญแจเข้ามาในห้องดังขึ้น ทำเอาคนในห้องสะดุ้งเล็กน้อย

            “ไงฮุน ^O^ ซี๊ดดดดด...” ลู่หานทักทายคนเป็นน้องด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนเมื่อเช้า แต่รอยแผลที่มุมปากทำเอาเขาต้องร้องซี๊ดขึ้นมาด้วยความแสบ
            “พี่ลู่! เป็นอะไรมากรึเปล่า!” เซฮุนถลาเข้าไปหา มองแผลที่มุมปากนั้นอย่างละเอียดก่อนจะมองไปทั่วตัวว่าเขามีแผลอะไรเพิ่มอีกหรือไม่
            “โนวๆ คนอย่างลู่หานมีแผลแค่ที่มุมปากก็พอ ฮ่าๆๆๆๆ พลาดนิดหน่อยน่ะ” เขาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก่อนจะเดินไปที่ตู้ปฐมพยาบาลแล้วหยิบอุปกรณ์ทำแผลครบเซทออกมา
            “พี่ลู่...” คนที่ยืนแข็งทื่อได้แต่พึมพำชื่อเขาออกมาด้วยแววตาอึดอัด

            ทำยังไงดี ทำยังไงถึงจะปกป้องพี่เค้าจากไอ่พวกห่าเหวนั่นได้
            ต้องทำยังไงพี่ลู่ถึงไม่เดินข้างๆ เราให้น่าอายอีก...
            เราต้องทำยังไง...

            .
            .
            การตัดสินใจของฉันมันไม่ได้ผิดพลาดหรือโง่เง่า แต่ที่ฉันกำลังจะทำ... มันเป็นวิธีที่เด็ดขาดที่สุด
            ลองคิดดู ถ้าฉันบอกพี่ลู่ว่า เราอย่าเดินด้วยกันเลยนะ หนูไม่อยากให้พี่ลู่โดนดูถูก
            พี่ลู่จะตอบฉันว่าอะไร...
            ฉันสาบานได้ พี่ลู่จะตอบว่า อย่าไปสนใจคนอื่น สนใจว่ามึงจะเป็นเมียกูยังไงก็พอ
            ถ้าอย่างนั้น... ฉันควร...
            .
            .
            เลิก?

           
            ...

            “พี่ลู่” คนที่เสียงอ่อนหวานตลอดมาทำเสียงแข็งกระด้าง มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่น่ากลัวมากขึ้น แต่เจ้าของชื่อก็ยังทำแววตาซุกซน
            “ไงจ๊ะ”
            “ทำไมพี่ลู่อ่อนแออย่างนี้... หนูไม่ชอบ”
            “...” เขานิ่งไป มือแกร่งที่กำลังทายาที่มุมปากตัวเองถึงกับชะงัก เงยหน้ามองคนที่พึ่งพูดวาจาเจ็บแสบกว่าแผลที่มุมปากด้วยความตกใจ
            “ลู่หานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้หายไปไหน... ทำไมเหลือแต่ลู่หานที่ตัวเท่าเศษฝุ่นแบบนี้”
            “...”
            “น่าเบื่อชะมัด” ร่างบางพูดด้วยสีหน้าขยะแขยง เขามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาราวกับผิดหวังขั้นสุด
            “ฮุน... มึง...”
            “โอ๊ย! แบบนี้เลิกกันดีกว่า ไม่เอาอ่ะ ไม่เห็นเท่เลย!” เซฮุนพยายามพูดด้วยน้ำเสียงตัวร้ายในละครกำลังผิดหวังที่พระเอกเปลี่ยนจากคนรวยมาเป็นคนจน ลู่หานมองเขาด้วยแววตาอ้ำอึ้ง ปากเรียวถึงกับสั่นด้วยความสับสน
            “มึงกำลังบอกกูว่าอะไรนะ... เลิกงั้นหรอ?” ลู่หานยืนขึ้นเต็มสองเท้า เขามองหน้าคนที่เฝ้าอุตส่าห์ถนอมหัวใจด้วยแววตาตัดพ้อ “มึงจะเลิกกับกูหรอฮุน”
            “ใช่!!! จะเลิก!! พี่ลู่ไม่เท่แล้ว! แถมยังโดนซ้อมแบบนี้! หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
            “...”
            “อายแบค อายโด้ที่มีแฟนแบบนี้ แล้วพี่ถามฮุนก่อนมั้ยว่าวันนี้ฮุนอายรึเปล่า!? จู่ๆ ไอ้พวกบ้านั่นก็มาโห่ไล่พี่ลู่ แถมยังเดินผลักพี่ไม่สนใจ โอ๊ยๆๆๆ! นึกแล้วก็อาย! ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหน” เซฮุนพล่ามไม่หยุดด้วยเสียงสูงปรี๊ดราวกับความอดทนขาดผึง
            “ขอโทษ...” แต่คนตรงหน้ากลับพูดว่าขอโทษออกมาง่ายๆ จนเขาชะงัก น้ำใสเริ่มคลอหน่วยที่ตากลมโต แต่ก็รีบปัดมันทิ้งก่อนที่จะพูดต่อ
            “ขอโทษเรื่องอะไรไม่ทราบ? ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษทั้งนั้นแหละ! เราเลิกกัน เลิกกัน! พอกันที!” เซฮุนพยายามใช้เสียงดังข่มความรู้สึกภายใน รีบเดินไปทางอื่นเพราะกลัวว่าดวงใจน้อยๆ ของเขาจะเห็นว่าเขาเกือบเสียน้ำตา
            “ฮุน” แต่จู่ๆ อีกฝ่ายกลับเสียงแข็งขึ้นมาบ้างจนคนฟังเผลอสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว
            “อ... อะไรอีกล่ะ! ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ!
            “กูจะถามเป็นครั้งที่สามและครั้งสุดท้าย... มึงจะเลิก... กับกูจริงๆ ใช่มั้ย” เสียงเขาดูขาดห้วง แต่ร่างบางไม่อยากจะหันหน้าไปเจอกับภาพของแฟนเก่าตอนนี้
            “จริง”
            “งั้นก็ดี...” เมื่อได้รับคำตอบที่แน่วแน่ ลู่หานก็ขี้คร้านจะพูดอะไรมาก “เพราะมึงคงลืมว่าตอนกูแช่งให้มึงเป็นเมียกู กูแช่งอะไรต่ออีก”
            เซฮุนชะงักไปนิดหน่อย เขาไม่เคยลืมหรอก... ประโยคนั้นยังจำได้ดี

            กูขอแช่งให้มึงเป็นเมียกู ให้มึงเป็นรูมเมทกู ให้มึงอยู่ข้างๆ กูตลอดเวลา ถ้ามึงบอกเลิกกูเมื่อไหร่ กูขอให้มึงเสียใจไปตลอดชาติ

            “จำไม่ได้!! ไม่สนใจ! ไม่อยากจำ!” เซฮุนพยายามหลบหนีความจริงด้วยการปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างในสมอง
            “จำไม่ได้งั้นก็ฟังไว้ให้ดี!” ลู่หานกระชากตัวแฟนเก่าเข้าไปแนบกับตัวเองอย่างแรงจนร่างบางแทบปลิว ก่อนจะเค้นเสียงพูดอยู่ข้างหูอย่างสะกดกลั้นอารมณ์โมโห “ถ้ามึงบอกเลิกกูเมื่อไหร่ กูขอให้มึงเสียใจไปตลอดชาติ!!
            “ไม่เสียใจแน่นอน! ไม่มีทาง!” เซฮุนพยายามดิ้นออกจากแขนแกร่งที่รัดตัวเขาไว้เสียแน่น แต่มันก็ไม่ได้แน่นจนทำให้เจ็บอะไร... แค่แน่นพอให้รู้ว่า ไม่อยากปล่อยให้คนในอ้อมแขนนี้จากไปไหน... ก็เท่านั้น
            “งั้นมึงฟังไว้ให้ดีๆ นะโอ-เซ-ฮุน...” ลู่หานยังคงกระซิบอยู่ข้างหูด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาหลับตาลงช้าๆ ราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกผิดหวังในตัวเซฮุน... คนที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้อยู่ข้างกันตลอดไป...
            “...”
            “ถึงมึงจะไม่เสียใจ...”
            “...”
            “แต่-กู-เสีย-ใจ!!” ไม่กระแทกเสียงเปล่า เขาดันตัวคนรักเก่าให้ออกห่างด้วยความโมโหปนเสียใจจนร่างบางแทบล้มลงไปกอง

            แต่ก็ไม่ได้ล้ม!!
            เพราะสุดท้ายมือแกร่งก็จับแขนเล็กนั้นไว้แน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะล้มลงไปจริงๆ

            “...” เซฮุนมองมือนั้นที่ยังพยุงแขนเขาไว้ ก่อนจะเบือนหน้าหนี...

            ทำไมยังต้องทำกันแบบนี้... ตัดๆ กันไปเลยไม่ได้ใช่มั้ย...

            “ที่จับไว้เพราะกลัวมึงหน้าแหกแล้วมาโทษกูหรอกนะ” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะเดินเสียงดังออกจากห้องไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

            ทิ้งให้ใครบางคนนั่งกองอยู่บนพื้นด้วยแววตาที่เหม่อลอย
            ความเสียใจและเกลียดตัวเอง... ค่อยๆ บีบรัดปลายจมูกจนแสบจนน้ำตาต้องไหลออกมาเพื่อคลายความทรมานนั้น

            “หนู... ฮึก... หนูกำลังเสียใจตลอดชาติอยู่นี่ไงพี่ลู่... ทำไงดี...” คนที่ถูกทิ้งอยู่ในห้องเพียงคนเดียวทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ เอาแต่พร่ำเพ้อถึงใครบางคนที่พึ่งตัดสัมพันธ์ไป

            ไม่ได้ เราต้องเข้มแข็ง
            ถ้าเรารักพี่ลู่จริง เราต้องทำให้ได้





[HERE]

วันรุ่งขึ้น

            ไม่มีใครเห็นโอเซฮุนออกมาจากห้องนอน
            แต่ถูกคนยังคงเห็นลู่หานเดินไปเดินมาอยู่ในโรงเรียน... คนเดียว

            “เมียไปไหนล่ะวันนี้?” อี้ฟานทักขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังกินมื้อเย็นกันอยู่ 

            วันนี้ไม่มีใครเห็นเซฮุนเลยจริงๆ แม้กระทั่งมื้อเช้า, มื้อกลางวันหรือมื้อเย็นก็ไม่ออกมากิน เคาะประตูห้องก็ได้ยินแต่เสียงอู้อี้บอกว่า ไม่สบาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวก็หาย

            “เลิก” ลู่หานตอบสั้นๆ ก่อนจะใช้ช้อนตักซุปเข้าปากอย่างหงุดหงิด
            “หาาาาาาา =[]=!!!” และทุกคนในโต๊ะก็ประสานเป็นเสียงเดียวกัน
            “นี่มึงคบกันยังไม่ถึงเดือนเลยนะลู่! มึงจะทิ้งน้องเค้าแล้วหรอห้ะ?” อี้ชิงที่ดูจะโมโหที่สุดถึงกับโพล่งด่าออกมา
            “เออ กูเบื่อมัน กูเกลียดมัน กูเลยเลิกกับมัน พวกมึงไม่ต้องมายุ่งกับกูหรอก” ลู่หานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่เขากลับก้มหน้านิ่ง... ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น
            ทุกคนในโต๊ะต่างมองหน้ากันล่อกแล่ก ปากมันยังหมาและดูเลวอยู่ก็จริง แต่ท่าทางที่แสดงออกมามันเหงาหงอยและเสียใจขั้นสุด ทว่า... ทุกคนในโต๊ะก็ไม่กล้าจะพูดอะไรต่ออีก


            มันคงมีอะไรที่อยากจะปิดบัง... เรื่องของพวกมันสองคน...


 ****************


            กึก!

            ใครขวางทางกู


            กูเงยหน้าขึ้นไปมอง (เพราะแม่งสูงกว่า) ก็เจอชเวมินโฮคนเดิมที่หาเรื่องกูเมื่อวันก่อนนู้น...
            พร้อมพรรคพวกแก๊งมันอีกสิบคน


            “มีไร?” กูถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก นี่พึ่งแดกข้าวเย็นเสร็จไง อยากกลับไปที่ผับ อยากไปคุมผับให้ลืมใครบางคน แล้วแม่งจะมาขวางกูทำไมอีก
            “เมียตุ๊ดมึงไปไหนแล้วล่ะ?” มันถามพลางยักคิ้วใส่
            “ไม่ต้องมายุ่งกับพวกกูจะได้มั้ยวะ...” กูพูดอย่างเหนื่อยอ่อน... กูเหนื่อยมากพอแล้ว กูไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว...
            “มึงรู้มะ ข่าวว่าเมียมึงเป็นตุ๊ดกำลังแพร่กระจายไปเรื่อยๆ ได้ข่าวว่าวันนี้เมียมึงไม่มาเรียนเลยนี่หว่า ข้าวปลาก็ไม่ยอมแดกซะด้วย เป็นไรล่ะ? ป๊อด?” มันทำเสียงกวนประสาทกูขั้นสุด
            “มันไม่สบาย” กูต้องพยายามเหมือนว่ากูกับไอ่ฮุนยังคบกันอยู่ ทั้งที่มันบอกเลิกกูแถมยังรังเกียจกูอย่างกับหนอนในส้วม
            “อ้อออออ...” มันทำหน้าเหมือนจะฉลาดขึ้นมาเฉยๆ ก่อนจะเอามือผลักไหล่ผมโดยไม่ทันตั้งตัว “ลู่หานเอ๊ยยย! มึงมันไร้น้ำยา ไม่เหลือเหี้ยไรแล้วจริงๆ”
            “เออ กูรู้ตัว” ผมยอมรับคำพูดทับถมของมันง่ายๆ ในเมื่อเมียกูก็รู้สึกแบบเดียวกับไอ่พวกเหี้ยนี่ งั้นแปลว่ากูคงจะกากจริง
            “เมื่อวานพวกกูเจ็บแสบมาก... มึงมาคนเดียวแต่ฤทธิ์มึงยังเยอะเหมือนเดิมเลยนะครับคุณลู่หาน”
            “...”
            “มึงแน่จริงรึเปล่าลู่? กูให้โอกาสมึง...”
            “อะไร”

            “ถ้ามึงให้พวกกูรุมต่อยมึงไม่ยั้งภายในหนึ่งนาที โดยที่มึงไม่ทำอะไรพวกกูเลย...”
            “...”

            “พวกกูจะยอมปล่อยพวกมึงไป... และจะเปลี่ยนข่าวใหม่ว่าเมียมึงไม่ใช่ตุ๊ด...” 

            ประโยคสุดท้ายทำเอากูหูผึ่งขึ้นมาทันใด
           
            อยากจะปกป้องมันจนวินาทีสุดท้ายเลยใช่มั้ยวะไอ่โง่ลู่เอ๊ย

            “เออ กูรับคำท้า กี่โมงว่ามา...”                 






            “แบค วันนี้ไปดูอิฮุนอีกทีดีปะวะ” คยองซูกระตุกชายเสื้อเพื่อนด้วยความกังวลใจ หลังจากที่กินมื้อเย็นกันเสร็จ พวกพี่ๆ ก็พากันแยกย้ายเพราะไม่อยากยุ่ง แต่ด้วยความเป็นเพื่อนแก๊งเคะน้อยฯ จึงจำเป็นต้องยุ่งอย่างเสียไม่ได้
            “อือ... กูกังวลแปลกๆ ว่ะ ทำไมครั้งนี้ฮุนมันไม่วิ่งโร่มาหาพวกเรา... ทำไมมันเก็บตัวเงียบในห้องแบบนั้น” แบคฮยอนตั้งข้อสังเกต แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งเซฮุนและลู่หานต่างปิดบังเรื่อง ตุ๊ดไม่ให้สองคนนี้รู้นั่นแหละ
            “เฮ้ยมึง...” คยองซูหยุดเดินก่อนจะเรียกให้แบคฮยอนดูอะไรบางอย่าง “พี่ลู่... ทำไมยืนอยู่กับผู้ชายแก๊งใหญ่แบบนั้นวะ”
            “เออ... ดูท่าทางจะไม่ดีด้วยว่ะ เอาไงดีวะ” แบคฮยอนกับคยองซูมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้จนกระทั่งแก๊งผู้ชายน่ากลัวเหล่านั้นเดินจากไปแล้วนั่นแหละ... ถึงกล้าวิ่งเข้าไปหาลู่หานที่ยืนเคว้งอยู่คนเดียว
            “พี่ลู่... เกิดอะไรขึ้นกับฮุน เล่าให้ฟังได้มั้ย?” แบคฮยอนยิงคำถามใส่
            “แล้วไอ่พวกผู้ชายพวกนั้นมันอะไร? บอกเดี๋ยวนี้นะพี่ลู่!” คยองซูขึ้นเสียงด้วยความเป็นห่วง เขาไม่เคยคิดจะเป็นห่วงลู่หานเลยจริงๆ จนกระทั่งวันนี้... วันที่ลู่หานไม่กวนตีนเหมือนแต่ก่อนเนี่ยแหละ
            “...” ลู่หานยิ้มเหนื่อยอ่อน ก่อนจะพูดความจริง “พวกมันท้าต่อยกูหนึ่งนาที ให้กูยืนเฉยๆ ห้ามทำอะไรพวกมันกลับ แล้วมันจะ...”
            “...”
            “จะไม่ยุ่งเรื่องของกูกับฮุนอีก” ลู่หานยังคงช่วยเซฮุนปิดบังเรื่อง ตุ๊ดจนวินาทีสุดท้าย
            “แล้วไอ้พวกนั้นมันมายุ่งกับความสัมพันธ์พวกพี่ได้ไงล่ะ!? ไม่ทนแล้วนะ! ฟ้องพี่คริสดีมั้ย!?” แบคฮยอนกลายเป็นฝ่ายโมโหแทน
            “อย่าเอาแก๊งอี้เข้ามาเกี่ยว ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกูเถอะแบค” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
            “แล้วพวกเราต้องทำยังไงล่ะไอ่พี่ลู่บ้า!” คยองซูโวยวายอีกคน
            “ฝากไปบอกฮุนเหมือนที่กูบอกพวกมึง...”
            “...”
            “แล้วบอกอีกว่า... ไม่ต้องเป็นห่วงกู เดี๋ยวเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ ^__^” ลู่หานพูดพร้อมรอยยิ้มเหนื่อยอ่อน เขาหันหลังให้น้องๆ ก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางที่หยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
            “พี่ลู่จะไปไหน!!!!!” แบคฮยอนตะโกนไล่หลัง ก่อนที่คนถูกเรียกจะหันกลับมาตอบอย่างอารมณ์ดี
            “โรงยิม!
           

           

            

มาสั้นๆ แต่ได้ใจความน้าาาา >O<
วันพุธคงจะกลับมาสู่สภาวะปกติ อิอิ -..- ฮานฮุนจะคัมแบ๊คอย่างสมบูรณ์ จะไม่หน่วงละน้าาา~
เดาซิ คู่ไหนจะดราม่าเป็นคู่ต่อปายยยยย~ 
อย่าลืมแท็ก #สามเคะซ่า นะจ๊ะ ไม่มีหนทางไหนจะติดต่อกับพวกเธอว์ได้เท่าหนทางนี้ 5555555555555555