20
ตุ๊
ด...
“อ่าวเฮ้ย ลู่! กลับก่อนหรอวะ?”
พี่คริสที่กำลังเมาได้ที่ทักฉันกับพี่ลู่ที่กำลังเดินออกจากร้าน
“เออ! เมียกูมันอนามัย เอามันไปนอนก่อน!”
“แล้วจะกลับมาแดกเหล้าต่อปะเนี่ย!”
“ไม่ละ ขี้เกียจ”
“เดี๋ยวเด่ะ! เอาบัตรเครดิตมึงมาก่อนลู่!” พี่คริสเมาๆ
เดินมาแบมือขอบัตรเครดิต พี่ลู่เองก็ไม่ได้ว่าอะไร ควักบัตรเครดิตให้ง่ายๆ ก่อนจะโอวเอวฉันแล้วพาเดินออกมาจากร้าน
ความจริงฉันก็ไม่ได้อนามัยอะไรขนาดนั้น
แต่พี่ลู่ก็ชอบเอาฉันมาอ้าง T^T
เพราะเขาไม่อยากกินเหล้าต่อหน้าฉัน แต่ก็ไม่อยากจะอยู่ต่อหน้าเหล้านานๆ
กลัวหยิบมากิน
“เออฮุน
ซุปเปอร์ใต้หอมันยังเปิดอยู่ปะวะ กูอยากแดกคอนเน่” พี่ลู่พูดข้างหูฉัน ฉันยิ้มเบาๆ
ก่อนจะชะเง้อมองก็เห็นว่าไฟซุปเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดอยู่
“เปิดๆ เอาตังค์มา
เดี๋ยวหนูไปซื้อให้” พี่ลู่ยื่นเงินให้ฉันก่อนจะชูนิ้วขึ้นมาสองนิ้ว แล้วทำท่าเหมือนขอตัวไปสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเกรงใจสุดฤทธิ์
เออ
เนี่ยละที่พี่ลู่ยังเลิกให้ฉันไม่ได้ T____T
“อือ” ฉันรับคำ แต่พี่ลู่ก็จะรู้ตัวเองว่า
หลังจากสูบเสร็จ ถ้าพี่ลู่ยังไม่อาบน้ำและแปรงฟัน
พี่ลู่ก็จะพยายามอยู่ห่างฉันให้มากที่สุด
ฉันวิ่งนำไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตแล้วคว้าคอนเน่รสชีสมาถุงใหญ่
สายตาเหลือบไปเห็นพี่ลู่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่แถวนี้...
แต่มีใครบางคนกำลังคุยอยู่กับพี่ลู่ด้วยน่ะสิ
ด้วยความอยากเสือก
ฉันเลยรีบจ่ายเงินแล้วไปแอบฟังอยู่หลังเสาทันที -..-
“ลู่หาน
มึงจำกูได้มั้ย...” ไอ่คนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอยากท้าต่อยมากๆ
แต่ดูเหมือนพี่ลู่ของฉันจะไม่คิดอะไรมากด้วยการตอบว่า...
.
.
.
“ไม่”
กูรู้แล้วทำไมพี่ลู่แม่งมีปัญหากับชาวบ้านเค้าไปทั่ว
5555555555555555555555
“กู ‘ชเวมินโฮ’ คนที่ไอ่อี้ชิงมันเกลียดขี้หน้า
แล้วมันสั่งให้มึงมาต่อยกูเกือบตายไง... จำไม่ได้แล้วรึไง” เสียงนั้นดูโมโหปนเฉยชาเพราะความชินที่จะพูดกับคนอย่างพี่ลู่
แต่เขาก็ทำให้ฉันนึกอะไรออกบางอย่าง...
ชานยอลเคยบอกว่าพี่ลู่เคยเกือบฆ่าคนเพราะพี่เลย์สั่ง คงเป็นคนนี้นี่เอง -O-
“อ้อ...
แต่มึงกวนตีนอี้ชิงมันก่อนนี่หว่า มันบอกว่ามันไม่ชอบมึง มึงก็จีบๆ มันอยู่ได้
มันรำคาญเลยส่งกูไปบอกมึงให้รู้ไง ว่าเลิกยุ่งกับมันได้แล้ว”
พี่ลู่อธิบายใจเย็นอย่างแปลกประหลาด
แถมยังชะเง้อมองไปข้างในซุปเปอร์มาร์เกตเหมือนตามหาฉันอีกด้วย... แหะๆ
หนูอยู่นี่ค่า TOT
“มึงรู้มั้ยว่ากูมาพูดกับคนที่เกือบฆ่ากูตายอีกครั้งเพราะอะไร...”
“ไม่”
พี่ลู่ยังคงตอบกวนส้นตีนเหมือนเดิม 5555555555555555
“กูได้ข่าวมาว่าเมียมึงมันตุ๊ด”
...
อิบ้า ไม่ใช่ตุ๊ดย่ะ กูแค่สับสน
ไปเอาข่าวมาจากไหนก็ไม่รู้ วู้!
“เมียกูเป็นตุ๊ดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง?
หรือพ่อมึงจะเป็นตามเมียกูงั้นซิ?” พี่ลู่ปักบุหรี่ลงบนแท่นเขี่ยบุหรี่ที่วางอยู่ข้างตัว
สายตายังคงล่อกแล่กมองหาฉัน...
แต่ฉันยังอยากรู้มากกว่านี้ว่าไอ่บ้านี่มันจะพูดอะไรต่อ
“เปล่าหรอกครับคุณลู่หาน”
ไอ่ชเวมินโฮอะไรนั่นพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ “พ่อผมไม่คิดจะเป็นตุ๊ดตามเมียคุณหรอกครับ
แต่ตอนนี้คู่อริคุณลู่หานทั้งโรงเรียนพากันหัวเราะเยาะคุณอยู่นะ
รู้ตัวบ้างรึเปล่าครับ?”
“ไม่” พี่ลู่ยังหนักแน่นคำเดิม
55555555555555555
“เฮ้อ... ผู้หญิงก็มี เคะน่ารักๆ ก็มี
ทำไมมึงต้องเอาตุ๊ดทำเมียด้วยวะลู่หาน ฮ่าๆๆๆๆ” มันหัวเราะชอบใจใหญ่ ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่หลังเสา...
รอให้มันพูดอะไรมากกว่านี้ก่อน...
“ก็เมียกูเจ๋ง
ใครเจ๋งพอทำให้กูใจสั่นได้กูก็จะเอาแม่งเป็นเมีย
กูไม่เกี่ยงว่าแม่งจะเป็นมนุษย์ต่างดาว เป็นตุ๊ด หรือแม้กระทั่งมึง... ถ้ามึงบังเอิ๊ญญญญทำให้กูใจสั่น
กูอาจจะเอามึงเป็นเมียก็ด๊าย~”
พี่ลู่พูดด้วยน้ำเสียงชิวสุด แต่ตอนนี้ใจฉันสั่นไปหมดละนะ -..- นี่กูเจ๋งสินะ T / / / / T
“เหี้ย! ไม่เอา!” มินโฮทำหน้าขยะแขยงจนพี่ลู่หัวเราะลั่น
“เออ! งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับพวกกู”
“แต่ยุ่งไปแล้วว่ะ ขอโทษทีนะ...หึ”
เสียงไอ่มินโฮบ้าอะไรนี่ดูเลวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด “เพราะพวกกูเห็นแล้วหงุดหงิด
จากที่เคยนับถือมึง... ตอนนี้พวกกูสมเพศมึง อยากตั๊นหน้าอย่างบอกไม่ถูก”
“...”
“พรุ่งนี้ สี่โมง
เจอกันที่หลังโรงเรียนด้วยนะครับคุณลู่หาน”
“...”
“ที่เก่าที่มึงเคยเหยียบหน้ากูไว้” มันถ่มน้ำลายลงพื้นข้างตัวพี่ลู่ก่อนจะเดินจากไป
เห็นพี่ลู่ยืนนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง
ฉันจึงเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร
“เย่! พี่ลู่! คอนเน่รสชีสมาแล้ววววว~”
“อ้าวฮุน~ ขึ้นห้องกัน”
พี่ลู่ยิ้มให้ก่อนจะคว้าถุงคอนเน่ไปแกะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นกัน
สีหน้าพี่ลู่ดูปกติดีเหมือนว่าเรื่องวันพรุ่งนี้เป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย...
ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น
รุ่งเช้า
ฉันพยายามลืมเรื่องเมื่อวานไปซะ
ไม่อยากเข้าไปยุ่งกับศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย -_-^ และพี่ลู่เองก็ดูชิวๆ (พี่แกจะไปตามนัดไอ่บ้านั่นมั้ยเนี่ย -_-;) ฉันจึงกล้าเดินกับพี่ลู่อย่างมั่น...
ใจ...
.
.
.
“โห่ววววววววว” คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นน้องหรือรุ่นเดียวกับพี่ลู่ต่างก็มองหน้าฉันและพี่ลู่ด้วยสีหน้าเหยียดหยามขั้นสุด
พวกมันโห่ไล่
แถมยังชูนิ้วโป้งขึ้นแล้วพลิกลงราวกับจะบอกว่าพี่ลู่ของฉันเป็นแค่ตัวน่ารังเกียจที่ไม่อยู่ในสายตาพวกมันอีกต่อไป
แต่พี่ลู่กลับไม่สนใจอะไร...
มองมาที่ฉันแค่คนเดียว...
“ฮุน
วันนี้ตั้งใจเรียนนะรู้เปล่า... เป็นเลขาแก๊งมันต้องใช้ความรู้นะเหวย”
พี่ลู่เดินมาส่งฉันที่ห้องเรียนก่อนจะตบบ่าฉันพร้อมรอยยิ้ม
ปึก!!!
ใครบางคนเดินมาชนพี่ลู่เข้าอย่างจัง!
“อุ๊ยขอโทษครับพี่ลู่หาน...
หึ...” ไอ่เด็กเปรตนั่นหันมาพูดขอโทษด้วยแววตาและสีหน้าดูถูกขั้นสุด
หัวใจฉันกระตุกวูบ...
ดวงใจของฉันจะรู้สึกยังไง...
ดวงใจของฉันจะเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องโดนดูถูกขนาดนี้...
“พ... พี่ลู่...”
“ไป... เข้าห้อง
^^” พี่ลู่ดันฉันให้เข้าไปในห้องเรียนพร้อมรอยยิ้มเดิมๆ
ที่ยิ้มมาตั้งแต่เช้า... รอยยิ้มเฟคๆ ที่พยายามบอกฉันว่า ‘เขาไม่เป็นอะไร’
********************
“พี่ลู่จะเป็นยังไงบ้างเนี่ย...”
เซฮุนนั่งพึมพำอยู่คนเดียวในห้องนอน หลังจากเลิกเรียนเสร็จเขาก็ไม่รู้จะไปไหน ไม่อยากเข้าไปเป็นตัวถ่วงให้พี่ลู่หนักใจด้วย
เลยมาหมกตัวอยู่ในห้องแทน
กริ๊ก!
เสียงคนไขกุญแจเข้ามาในห้องดังขึ้น
ทำเอาคนในห้องสะดุ้งเล็กน้อย
“ไงฮุน ^O^ ซี๊ดดดดด...” ลู่หานทักทายคนเป็นน้องด้วยรอยยิ้มแจ่มใสเหมือนเมื่อเช้า
แต่รอยแผลที่มุมปากทำเอาเขาต้องร้องซี๊ดขึ้นมาด้วยความแสบ
“พี่ลู่!
เป็นอะไรมากรึเปล่า!” เซฮุนถลาเข้าไปหา มองแผลที่มุมปากนั้นอย่างละเอียดก่อนจะมองไปทั่วตัวว่าเขามีแผลอะไรเพิ่มอีกหรือไม่
“โนวๆ
คนอย่างลู่หานมีแผลแค่ที่มุมปากก็พอ ฮ่าๆๆๆๆ พลาดนิดหน่อยน่ะ” เขาพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ก่อนจะเดินไปที่ตู้ปฐมพยาบาลแล้วหยิบอุปกรณ์ทำแผลครบเซทออกมา
“พี่ลู่...” คนที่ยืนแข็งทื่อได้แต่พึมพำชื่อเขาออกมาด้วยแววตาอึดอัด
ทำยังไงดี
ทำยังไงถึงจะปกป้องพี่เค้าจากไอ่พวกห่าเหวนั่นได้
ต้องทำยังไงพี่ลู่ถึงไม่เดินข้างๆ เราให้น่าอายอีก...
เราต้องทำยังไง...
.
.
การตัดสินใจของฉันมันไม่ได้ผิดพลาดหรือโง่เง่า
แต่ที่ฉันกำลังจะทำ... มันเป็นวิธีที่เด็ดขาดที่สุด
ลองคิดดู ถ้าฉันบอกพี่ลู่ว่า ‘เราอย่าเดินด้วยกันเลยนะ หนูไม่อยากให้พี่ลู่โดนดูถูก’
พี่ลู่จะตอบฉันว่าอะไร...
ฉันสาบานได้ พี่ลู่จะตอบว่า ‘อย่าไปสนใจคนอื่น สนใจว่ามึงจะเป็นเมียกูยังไงก็พอ’
ถ้าอย่างนั้น... ฉันควร...
.
.
เลิก?
...
“พี่ลู่” คนที่เสียงอ่อนหวานตลอดมาทำเสียงแข็งกระด้าง
มองคนตรงหน้าด้วยแววตาที่น่ากลัวมากขึ้น แต่เจ้าของชื่อก็ยังทำแววตาซุกซน
“ไงจ๊ะ”
“ทำไมพี่ลู่อ่อนแออย่างนี้...
หนูไม่ชอบ”
“...” เขานิ่งไป มือแกร่งที่กำลังทายาที่มุมปากตัวเองถึงกับชะงัก
เงยหน้ามองคนที่พึ่งพูดวาจาเจ็บแสบกว่าแผลที่มุมปากด้วยความตกใจ
“ลู่หานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโรงเรียนนี้หายไปไหน...
ทำไมเหลือแต่ลู่หานที่ตัวเท่าเศษฝุ่นแบบนี้”
“...”
“น่าเบื่อชะมัด” ร่างบางพูดด้วยสีหน้าขยะแขยง
เขามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาราวกับผิดหวังขั้นสุด
“ฮุน... มึง...”
“โอ๊ย! แบบนี้เลิกกันดีกว่า ไม่เอาอ่ะ ไม่เห็นเท่เลย!”
เซฮุนพยายามพูดด้วยน้ำเสียงตัวร้ายในละครกำลังผิดหวังที่พระเอกเปลี่ยนจากคนรวยมาเป็นคนจน
ลู่หานมองเขาด้วยแววตาอ้ำอึ้ง ปากเรียวถึงกับสั่นด้วยความสับสน
“มึงกำลังบอกกูว่าอะไรนะ...
เลิกงั้นหรอ?” ลู่หานยืนขึ้นเต็มสองเท้า
เขามองหน้าคนที่เฝ้าอุตส่าห์ถนอมหัวใจด้วยแววตาตัดพ้อ “มึงจะเลิกกับกูหรอฮุน”
“ใช่!!! จะเลิก!! พี่ลู่ไม่เท่แล้ว! แถมยังโดนซ้อมแบบนี้!
หนูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
“...”
“อายแบค อายโด้ที่มีแฟนแบบนี้
แล้วพี่ถามฮุนก่อนมั้ยว่าวันนี้ฮุนอายรึเปล่า!? จู่ๆ ไอ้พวกบ้านั่นก็มาโห่ไล่พี่ลู่ แถมยังเดินผลักพี่ไม่สนใจ โอ๊ยๆๆๆ! นึกแล้วก็อาย! ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดที่ไหน”
เซฮุนพล่ามไม่หยุดด้วยเสียงสูงปรี๊ดราวกับความอดทนขาดผึง
“ขอโทษ...”
แต่คนตรงหน้ากลับพูดว่าขอโทษออกมาง่ายๆ จนเขาชะงัก น้ำใสเริ่มคลอหน่วยที่ตากลมโต
แต่ก็รีบปัดมันทิ้งก่อนที่จะพูดต่อ
“ขอโทษเรื่องอะไรไม่ทราบ?
ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษทั้งนั้นแหละ! เราเลิกกัน เลิกกัน! พอกันที!”
เซฮุนพยายามใช้เสียงดังข่มความรู้สึกภายใน รีบเดินไปทางอื่นเพราะกลัวว่าดวงใจน้อยๆ
ของเขาจะเห็นว่าเขาเกือบเสียน้ำตา
“ฮุน” แต่จู่ๆ
อีกฝ่ายกลับเสียงแข็งขึ้นมาบ้างจนคนฟังเผลอสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว
“อ... อะไรอีกล่ะ!
ไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแหละ!”
“กูจะถามเป็นครั้งที่สามและครั้งสุดท้าย...
มึงจะเลิก... กับกูจริงๆ ใช่มั้ย” เสียงเขาดูขาดห้วง
แต่ร่างบางไม่อยากจะหันหน้าไปเจอกับภาพของแฟนเก่าตอนนี้
“จริง”
“งั้นก็ดี...”
เมื่อได้รับคำตอบที่แน่วแน่ ลู่หานก็ขี้คร้านจะพูดอะไรมาก
“เพราะมึงคงลืมว่าตอนกูแช่งให้มึงเป็นเมียกู กูแช่งอะไรต่ออีก”
เซฮุนชะงักไปนิดหน่อย
เขาไม่เคยลืมหรอก... ประโยคนั้นยังจำได้ดี
‘กูขอแช่งให้มึงเป็นเมียกู ให้มึงเป็นรูมเมทกู ให้มึงอยู่ข้างๆ กูตลอดเวลา ถ้ามึงบอกเลิกกูเมื่อไหร่
กูขอให้มึงเสียใจไปตลอดชาติ’
“จำไม่ได้!! ไม่สนใจ! ไม่อยากจำ!” เซฮุนพยายามหลบหนีความจริงด้วยการปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างในสมอง
“จำไม่ได้งั้นก็ฟังไว้ให้ดี!” ลู่หานกระชากตัวแฟนเก่าเข้าไปแนบกับตัวเองอย่างแรงจนร่างบางแทบปลิว
ก่อนจะเค้นเสียงพูดอยู่ข้างหูอย่างสะกดกลั้นอารมณ์โมโห “ถ้ามึงบอกเลิกกูเมื่อไหร่
กูขอให้มึงเสียใจไปตลอดชาติ!!”
“ไม่เสียใจแน่นอน! ไม่มีทาง!”
เซฮุนพยายามดิ้นออกจากแขนแกร่งที่รัดตัวเขาไว้เสียแน่น
แต่มันก็ไม่ได้แน่นจนทำให้เจ็บอะไร... แค่แน่นพอให้รู้ว่า
ไม่อยากปล่อยให้คนในอ้อมแขนนี้จากไปไหน... ก็เท่านั้น
“งั้นมึงฟังไว้ให้ดีๆ นะโอ-เซ-ฮุน...”
ลู่หานยังคงกระซิบอยู่ข้างหูด้วยน้ำเสียงดุดัน เขาหลับตาลงช้าๆ
ราวกับสะกดกลั้นความรู้สึกผิดหวังในตัวเซฮุน... คนที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้อยู่ข้างกันตลอดไป...
“...”
“ถึงมึงจะไม่เสียใจ...”
“...”
“แต่-กู-เสีย-ใจ!!” ไม่กระแทกเสียงเปล่า เขาดันตัวคนรักเก่าให้ออกห่างด้วยความโมโหปนเสียใจจนร่างบางแทบล้มลงไปกอง
แต่ก็ไม่ได้ล้ม!!
เพราะสุดท้ายมือแกร่งก็จับแขนเล็กนั้นไว้แน่นราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะล้มลงไปจริงๆ
“...”
เซฮุนมองมือนั้นที่ยังพยุงแขนเขาไว้ ก่อนจะเบือนหน้าหนี...
ทำไมยังต้องทำกันแบบนี้... ตัดๆ
กันไปเลยไม่ได้ใช่มั้ย...
“ที่จับไว้เพราะกลัวมึงหน้าแหกแล้วมาโทษกูหรอกนะ”
ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ก่อนจะเดินเสียงดังออกจากห้องไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
ทิ้งให้ใครบางคนนั่งกองอยู่บนพื้นด้วยแววตาที่เหม่อลอย
ความเสียใจและเกลียดตัวเอง... ค่อยๆ
บีบรัดปลายจมูกจนแสบจนน้ำตาต้องไหลออกมาเพื่อคลายความทรมานนั้น
“หนู... ฮึก...
หนูกำลังเสียใจตลอดชาติอยู่นี่ไงพี่ลู่... ทำไงดี...” คนที่ถูกทิ้งอยู่ในห้องเพียงคนเดียวทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ
เอาแต่พร่ำเพ้อถึงใครบางคนที่พึ่งตัดสัมพันธ์ไป
ไม่ได้ เราต้องเข้มแข็ง
ถ้าเรารักพี่ลู่จริง เราต้องทำให้ได้
[HERE]
วันรุ่งขึ้น
ไม่มีใครเห็นโอเซฮุนออกมาจากห้องนอน
แต่ถูกคนยังคงเห็นลู่หานเดินไปเดินมาอยู่ในโรงเรียน...
คนเดียว
“เมียไปไหนล่ะวันนี้?”
อี้ฟานทักขึ้นขณะที่ทุกคนกำลังกินมื้อเย็นกันอยู่
วันนี้ไม่มีใครเห็นเซฮุนเลยจริงๆ แม้กระทั่งมื้อเช้า,
มื้อกลางวันหรือมื้อเย็นก็ไม่ออกมากิน เคาะประตูห้องก็ได้ยินแต่เสียงอู้อี้บอกว่า ‘ไม่สบาย แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวก็หาย’
“เลิก” ลู่หานตอบสั้นๆ
ก่อนจะใช้ช้อนตักซุปเข้าปากอย่างหงุดหงิด
“หาาาาาาา =[]=!!!” และทุกคนในโต๊ะก็ประสานเป็นเสียงเดียวกัน
“นี่มึงคบกันยังไม่ถึงเดือนเลยนะลู่! มึงจะทิ้งน้องเค้าแล้วหรอห้ะ?”
อี้ชิงที่ดูจะโมโหที่สุดถึงกับโพล่งด่าออกมา
“เออ กูเบื่อมัน กูเกลียดมัน
กูเลยเลิกกับมัน พวกมึงไม่ต้องมายุ่งกับกูหรอก” ลู่หานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
แต่เขากลับก้มหน้านิ่ง... ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น
ทุกคนในโต๊ะต่างมองหน้ากันล่อกแล่ก
ปากมันยังหมาและดูเลวอยู่ก็จริง แต่ท่าทางที่แสดงออกมามันเหงาหงอยและเสียใจขั้นสุด
ทว่า... ทุกคนในโต๊ะก็ไม่กล้าจะพูดอะไรต่ออีก
มันคงมีอะไรที่อยากจะปิดบัง...
เรื่องของพวกมันสองคน...
****************
กึก!
ใครขวางทางกู
กูเงยหน้าขึ้นไปมอง
(เพราะแม่งสูงกว่า) ก็เจอชเวมินโฮคนเดิมที่หาเรื่องกูเมื่อวันก่อนนู้น...
พร้อมพรรคพวกแก๊งมันอีกสิบคน
“มีไร?” กูถามอย่างไม่สบอารมณ์นัก
นี่พึ่งแดกข้าวเย็นเสร็จไง อยากกลับไปที่ผับ อยากไปคุมผับให้ลืมใครบางคน
แล้วแม่งจะมาขวางกูทำไมอีก
“เมียตุ๊ดมึงไปไหนแล้วล่ะ?”
มันถามพลางยักคิ้วใส่
“ไม่ต้องมายุ่งกับพวกกูจะได้มั้ยวะ...”
กูพูดอย่างเหนื่อยอ่อน... กูเหนื่อยมากพอแล้ว กูไม่อยากพูดถึงมันอีกแล้ว...
“มึงรู้มะ ข่าวว่าเมียมึงเป็นตุ๊ดกำลังแพร่กระจายไปเรื่อยๆ
ได้ข่าวว่าวันนี้เมียมึงไม่มาเรียนเลยนี่หว่า ข้าวปลาก็ไม่ยอมแดกซะด้วย เป็นไรล่ะ?
ป๊อด?” มันทำเสียงกวนประสาทกูขั้นสุด
“มันไม่สบาย”
กูต้องพยายามเหมือนว่ากูกับไอ่ฮุนยังคบกันอยู่ ทั้งที่มันบอกเลิกกูแถมยังรังเกียจกูอย่างกับหนอนในส้วม
“อ้อออออ...”
มันทำหน้าเหมือนจะฉลาดขึ้นมาเฉยๆ ก่อนจะเอามือผลักไหล่ผมโดยไม่ทันตั้งตัว
“ลู่หานเอ๊ยยย! มึงมันไร้น้ำยา
ไม่เหลือเหี้ยไรแล้วจริงๆ”
“เออ กูรู้ตัว”
ผมยอมรับคำพูดทับถมของมันง่ายๆ ในเมื่อเมียกูก็รู้สึกแบบเดียวกับไอ่พวกเหี้ยนี่ งั้นแปลว่ากูคงจะกากจริง
“เมื่อวานพวกกูเจ็บแสบมาก...
มึงมาคนเดียวแต่ฤทธิ์มึงยังเยอะเหมือนเดิมเลยนะครับคุณลู่หาน”
“...”
“มึงแน่จริงรึเปล่าลู่?
กูให้โอกาสมึง...”
“อะไร”
“ถ้ามึงให้พวกกูรุมต่อยมึงไม่ยั้งภายในหนึ่งนาที
โดยที่มึงไม่ทำอะไรพวกกูเลย...”
“...”
“พวกกูจะยอมปล่อยพวกมึงไป... และจะเปลี่ยนข่าวใหม่ว่าเมียมึงไม่ใช่ตุ๊ด...”
ประโยคสุดท้ายทำเอากูหูผึ่งขึ้นมาทันใด
อยากจะปกป้องมันจนวินาทีสุดท้ายเลยใช่มั้ยวะไอ่โง่ลู่เอ๊ย
“เออ กูรับคำท้า กี่โมงว่ามา...”
“แบค
วันนี้ไปดูอิฮุนอีกทีดีปะวะ” คยองซูกระตุกชายเสื้อเพื่อนด้วยความกังวลใจ
หลังจากที่กินมื้อเย็นกันเสร็จ พวกพี่ๆ ก็พากันแยกย้ายเพราะไม่อยากยุ่ง
แต่ด้วยความเป็นเพื่อนแก๊งเคะน้อยฯ จึงจำเป็นต้องยุ่งอย่างเสียไม่ได้
“อือ... กูกังวลแปลกๆ ว่ะ
ทำไมครั้งนี้ฮุนมันไม่วิ่งโร่มาหาพวกเรา... ทำไมมันเก็บตัวเงียบในห้องแบบนั้น”
แบคฮยอนตั้งข้อสังเกต แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ทั้งเซฮุนและลู่หานต่างปิดบังเรื่อง ‘ตุ๊ด’ ไม่ให้สองคนนี้รู้นั่นแหละ
“เฮ้ยมึง...”
คยองซูหยุดเดินก่อนจะเรียกให้แบคฮยอนดูอะไรบางอย่าง “พี่ลู่...
ทำไมยืนอยู่กับผู้ชายแก๊งใหญ่แบบนั้นวะ”
“เออ... ดูท่าทางจะไม่ดีด้วยว่ะ เอาไงดีวะ”
แบคฮยอนกับคยองซูมองหน้ากันด้วยความกังวลใจ
แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้จนกระทั่งแก๊งผู้ชายน่ากลัวเหล่านั้นเดินจากไปแล้วนั่นแหละ...
ถึงกล้าวิ่งเข้าไปหาลู่หานที่ยืนเคว้งอยู่คนเดียว
“พี่ลู่... เกิดอะไรขึ้นกับฮุน
เล่าให้ฟังได้มั้ย?” แบคฮยอนยิงคำถามใส่
“แล้วไอ่พวกผู้ชายพวกนั้นมันอะไร? บอกเดี๋ยวนี้นะพี่ลู่!” คยองซูขึ้นเสียงด้วยความเป็นห่วง เขาไม่เคยคิดจะเป็นห่วงลู่หานเลยจริงๆ
จนกระทั่งวันนี้... วันที่ลู่หานไม่กวนตีนเหมือนแต่ก่อนเนี่ยแหละ
“...” ลู่หานยิ้มเหนื่อยอ่อน
ก่อนจะพูดความจริง “พวกมันท้าต่อยกูหนึ่งนาที ให้กูยืนเฉยๆ ห้ามทำอะไรพวกมันกลับ
แล้วมันจะ...”
“...”
“จะไม่ยุ่งเรื่องของกูกับฮุนอีก”
ลู่หานยังคงช่วยเซฮุนปิดบังเรื่อง ‘ตุ๊ด’ จนวินาทีสุดท้าย
“แล้วไอ้พวกนั้นมันมายุ่งกับความสัมพันธ์พวกพี่ได้ไงล่ะ!? ไม่ทนแล้วนะ! ฟ้องพี่คริสดีมั้ย!?” แบคฮยอนกลายเป็นฝ่ายโมโหแทน
“อย่าเอาแก๊งอี้เข้ามาเกี่ยว
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกูเถอะแบค” ลู่หานพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วพวกเราต้องทำยังไงล่ะไอ่พี่ลู่บ้า!” คยองซูโวยวายอีกคน
“ฝากไปบอกฮุนเหมือนที่กูบอกพวกมึง...”
“...”
“แล้วบอกอีกว่า... ไม่ต้องเป็นห่วงกู
เดี๋ยวเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วนะ ^__^” ลู่หานพูดพร้อมรอยยิ้มเหนื่อยอ่อน เขาหันหลังให้น้องๆ
ก่อนจะเดินจากไปด้วยท่าทางที่หยิ่งในศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
“พี่ลู่จะไปไหน!!!!!” แบคฮยอนตะโกนไล่หลัง ก่อนที่คนถูกเรียกจะหันกลับมาตอบอย่างอารมณ์ดี
“โรงยิม!”
มาสั้นๆ แต่ได้ใจความน้าาาา >O<
วันพุธคงจะกลับมาสู่สภาวะปกติ อิอิ -..- ฮานฮุนจะคัมแบ๊คอย่างสมบูรณ์ จะไม่หน่วงละน้าาา~
เดาซิ คู่ไหนจะดราม่าเป็นคู่ต่อปายยยยย~
อย่าลืมแท็ก #สามเคะซ่า นะจ๊ะ ไม่มีหนทางไหนจะติดต่อกับพวกเธอว์ได้เท่าหนทางนี้ 5555555555555555